เหตุผลที่เมสซี่ เลือกที่จะไม่ตัดสินทุกอย่างที่ศาล
ในช่วงที่เมสซี่ ขอย้ายทีมด้วยการขอใช้เงื่อนไขพิเศษว่าสามารถขอย้ายทีมได้ฟรีช่วงจบฤดูกาล แต่ทางบอร์ดบริหารของทีมไม่อนุญาตให้ทำแบบนั้นได้ ทำให้ตอนนั้นมีการคิดกันว่า เมสซี่ อาจจะลากเรื่องทั้งหมดให้ไปจบกันที่ศาล เพื่อหาทางออกร่วมกัน แต่สุดท้ายเมสซี่ก็เลือกที่จะไม่ทำอะไรแบบนั้น เรามาวิเคราะห์กันว่า เหตุผลที่เมสซี่ไม่ทำแบบนั้นมันเพราะอะไร
สัญญาตัวหนังสือ
หากเราเป็นศาล การพิจารณาคดีนี้คงต้องเอาหนังสือคู่สัญญามาวางเพื่ออ่านข้อกำหนดในสัญญาทั้งหมดจะได้ตัดสินได้ ทีนี้เรื่องราวทั้งหมดในตัวหนังสือ ต้องยอมรับว่า สัญญาแม้จะมีการใส่เงื่อนไขการปิดฤดูกาลเอาไว้ แต่อีกส่วนหนึ่งก็มีการกำหนดช่วงระยะเวลาในการใช้เงื่อนไขนี้ด้วย แม้ว่าฤดูกาลนี้จะจบไม่ตรงเวลาจากสถานการณ์โควิท 19 แต่หากมองจากตัวหนังสือ การกำหนดระยะเวลาเอาไว้ ก็ทำให้ เมสซี่ เสียเปรียบบอร์ดบริหารของทีมแบบเต็มประตูด้วยเหมือนกัน มองว่าขึ้นศาลไปยังไงก็แพ้ถ้าดูจากเอกสารสัญญาเป็นหลัก การสัญญาลูกผู้ชายแบบไม่มีหลักฐานไม่สามารถยืนยันเป็นหลักฐานในศาลได้
กว่าจะจบเสียเวลา
ทีนี้หากเมสซี่ ลากทุกอย่างขึ้นไปไว้บนศาลจริง บอกได้เลยว่า ยาวนานแน่นอน เผลอๆเมสซี่หมดสัญญาไปแล้ว ก็ยังฟ้องร้องกันไม่จบ ซึ่งมันทำให้ทุกอย่างเสียเวลากันไปทั้งสองฝ่าย นี่เรายังไม่นับว่าการพิจารณาคดีอาจจะต้องใช้เอกสารอีกมากมาย ฝ่ายไหนแพ้ก็ขออุทรณ์อีก บอกเลยว่าหากเมสซี่หวังว่า ศาลจะเมตตา ฟันธงฉับเดียวในเวลา 1 สัปดาห์ แล้วย้ายได้เลยคงเป็นเรื่องที่เพ้อฝันไปแล้ว เลยเลือกที่จะอยู่ต่อแบบไม่ต้องมาเสียเวลา เสียค่าทนายดีกว่า
ไม่อยากให้สโมสรแปดเปื้อน
หากมองว่า เมสซี่ เป็นความขัดแย้ง คู่ขัดแย้งของเค้าคือ โจเซฟ มาเรีย บาร์โตเมว ประธานสโมสร ไม่ใช่ สโมสรบาร์เซโลนา มันคงดูเป็นเรื่องแย่มากที่เค้าจะมาทำร้ายทีมที่เค้ารักด้วยเหตุผลข้อนี้ นั่นทำให้เค้าเลือกที่จะอยู่ต่อไป แทนที่จะทำให้สโมสรที่เค้ารักต้องแปดเปื้อนด้วยมือเค้าเอง นี่แหละคือเหตุผลที่เมสซี่ เลือกที่จะเจรจาแทนการขึ้นศาลแม้ว่าจะไม่สำเร็จก็ตามที